iStore Xpress©
ทำความเข้าใจระบบการทำงานของโปรแกรม
การใช้งานที่มีประสิทธิภาพและได้ผลเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของระบบโปรแกรมที่ออกแบบไว้
ระบบสต๊อคสินค้า
ระบบสต๊อคสินค้า เป็นระบบงานเกี่ยวกับการจัดการสินค้าและการควบคุมจำนวนสินค้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำออกจำหน่าย ระบบงานจะเริ่มด้วยการจัดการหมวดหมู่สินค้าออกเป็นแผนกสินค้า และหมวดสินค้า จากนั้นก็ทำการบันทึกรายชื่อสินค้าตามหมวดสินค้า พร้อมทั้งจัดการในเรื่องผู้จำหน่ายของสินค้าแต่ละชนิดว่าสามารถสั่งซื้อมาจากใครบ้างและต้นทุนในการสั่งซื้อเป็นเท่าไรบ้าง เพื่อมาวิเคราะห์ว่าควรสั่งซื้อจากผู้จำหน่ายรายใด เมื่อข้อมูลของรายชื่อสินค้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของการสั่งซื้อสินค้า โดยการออกใบสั่งซื้อและการบันทึกรับสินค้าที่สั่งซื้อเข้าระบบสต๊อค หากการตรวจรับสินค้าพบว่าสินค้าไม่ครบถ้วนหรือสินค้าเสียหายก็สามารถบันทึกส่งคืนสินค้ากลับไปให้ผู้จำหน่ายได้
การบันทึกต้นทุนสินค้าของโปรแกรม iStore Xpress จะบันทึกแยกเป็นล็อตๆ ตามการสั่งซื้อและการบันทึกรับเข้าสต๊อค ไม่ได้นำมารวมกัน หรือไม่มีการถัวเฉลี่ยราคาทุนแต่อย่างใด ส่วนการตัดสต๊อคเพื่อคำนวนต้นทุนสามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1. วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) และ 2. วิธีเข้าหลังออกก่อน (LIFO) แล้วแต่จะเลือกตามความเหมาะสมของลักษณะสินค้าที่จำหน่าย
นอกจากนี้ในระบบสต๊อคสินค้า ยังมีเครื่องมือการตรวจสอบสินค้าคงเหลือ การตัดสต๊อคสินค้า และรายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสินค้าในสต๊อคด้วย






ระบบขายสินค้า
ระบบขายสินค้า เป็นระบบงานที่เกี่ยวกับการขาย โดยแยกการบันทึกการขายออกเป็นสองประเภท ประเภทแรก เป็นการบันทึกขายสินค้าเงินสด ใช้สำหรับบันทึกการขายที่ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อและชำระเงินพร้อมทั้งรับสินค้าไปในคราวเดียวกัน ซึ่งการขายวิธีนี้จะต้องมีสินค้าอยู่ในสต๊อคพร้อมขายอยู่แล้ว และเมื่อบันทึกการขายเสร็จจะมีการตัดสต๊อคในทันที ส่วนประเภทที่สอง เป็นการบันทึกขายสินค้ามีเครดิต ใช้สำหรับบันทึกการขายสินค้าทั่วไปที่ไม่สามารถบันทึกการขายแบบเงินสดได้ เช่น การขายเชื่อ การบันทึกขายล่วงหน้า หรือการขายที่ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าอยู่ในสต๊อค เพราะการขายวิธีนี้จะแยกการบันทึกการตัดสต๊อคและการชำระเงินออกมาเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ดังนั้นเวลาบันทึกการตัดสต๊อคก็จะต้องมีสินค้าอยู่ด้วย ส่วนการบันทึกรับชำระเงินก็อาจจะต้องเกี่ยวข้องกับลูกหนี้การค้าด้วยเช่นกัน สำหรับระบบขายสินค้า จะมีระบบส่งเสริมการขายเข้ามาช่วย เนื่องจากระบบออกแบบไว้ให้ตั้งราคาขายสินค้าได้ระดับราคาเดียว หากต้องการขายในราคาที่แตกต่างกัน ก็จะต้องใช้ระบบส่งเสริมการขายเข้ามาช่วย ซึ่งได้แก่ คูปอง โปรโมชั่น และส่วนลดเงินสด
ในระบบขายสินค้านี้ ยังสามารถบันทึกรับคืนสินค้าได้ด้วย หากเกิดกรณีมีลูกค้านำสินค้ามาคืนอันเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ อย่างเช่น สินค้าชำรุดเสียหาย ส่วนการตัดจำหน่ายสินค้าที่ชำรุดเสียหาย ระบบโปรแกรมนี้ยังไม่รองรับ แต่สามารถประยุกต์ใช้กับระบบที่มีอยู่ได้ เช่น ใช้ระบบสต๊อคสินค้าบันทึกการส่งคืนกลับไปให้ผู้จำหน่าย แต่ถ้าไม่สามารถส่งคืนได้และจะต้องตัดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวน อาจจะต้องใช้วิธีบันทึกขายออกไปแบบไม่มียอดขาย (ศูนย์บาท) เพื่อตัดจ่ายให้เป็นส่วนของต้นทุนสินค้าทั้งหมด






ผลการดำเนินงาน
เป็นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบงบแสดงฐานะทางการเงิน ใช้สำหรับวัดผลการดำเนินงานว่า แต่ละงวดเวลามีผลกำไรขาดทุนเท่าไร มีเงินสดหมุนเวียนอยู่เท่าไร และทำให้ทรัพย์สินที่เกิดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร งบแสดงฐานะทางการเงิน ประกอบด้วยงบต่างๆ ดังนี้
งบดุล (Balance Sheet) เป็นงบการเงินที่แสดงออกมาในรูปแบบตัวเลขที่แสดงถึงฐานะการเงินของกิจการ โดยจะเป็นผลลัพธ์ของการบันทึกรายการธุรกิจในระหว่างปี ที่สะท้อนสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ โดยตัวเลขที่แสดงอยู่ในงบดุล จะแสดงสถานะของยอดคงเหลือของรายการสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ของกิจการ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
งบกำไรขาดทุน (Profit and Lose) เป็นงบการเงินที่แสดงออกมาในรูปแบบตัวเลขที่แสดงถึงผลการดำเนินงาน โดยจะเป็นผลลัพธ์ของการบันทึกรายการธุรกิจในระหว่างปี ที่สะท้อนผลการดำเนินงาน ได้แก่ รายได้ ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่าย ของกิจการ โดยตัวเลขที่แสดงอยู่ในงบกำไรขาดทุนจะสะท้อนตัวเลขในรอบระยะเวลาหนึ่งๆ
งบกระแสเงินสด (Cash Flow) เป็นงบการเงินที่แสดงออกมาในรูปแบบตัวเลขที่แสดงการไหลเวียนของกระแสเงินสดของกิจการ โดยจะเป็นการสรุปตัวเลขจากงบดุลและงบกำไรขาดทุน เพื่อแสดงการไหลเวียนของกระแสเงินสดของกิจการในรอบระยะเวลาหนึ่งๆ ว่ากิจการได้รับเงินสดมาโดยกิจกรรมอะไรบ้าง และกิจการจ่ายเงินสดออกไปเพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่องใด เรียกง่ายๆว่า กระแสเงินสดรับ และกระแสเงินสดจ่าย



